นิทรรศการนี้เป็นผลงานร่วมกันของคู่ศิลปิน ไพรวา ไรวา และ พัชราภรรณ ไรวา ซึ่งแสดงถึงการผสมผสานระหว่างจิตรกรรมและประติมากรรมอย่างลงตัว โดยพัชราภรรณใช้สีน้ำวาดลงบนกระดาษ ขณะที่ไพรวาสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมสามมิติ ประติมากรรมของไพรวามีจินตนาการที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และพลังชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การในการดำเนินชีวิตลำพัง ในขณะที่ผลงานของพัชราภรรณเป็นการเล่าเรื่องราวและถ่ายทอดข้อความในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เสมือนกับชีวิตของทุกคน ก่อนที่จะร่วมงานกับสามีในโปรเจ็กต์นี้ ภาพวาดสีน้ำของพัชราภรรณมักจะจับจ้องความละเอียดอ่อนและการเคลื่อนไหวอันมีชีวิตชีวาของธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานจากดอกไม้ ซึ่งหลายคนมองข้ามไป แม้ว่าแนวคิดและผลงานศิลปะของทั้งคู่จะแตกต่างกัน แต่พวกเขาต่างให้คุณค่ากับสิ่งที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือพลังชีวิตของธรรมชาติรอบตัว ในมุมมองที่แตกต่าง พวกเขาพยายามถ่ายทอดความงดงามผ่านงานศิลปะจากประสบการณ์และความรู้สึก โดยยังคงรักษามาตรฐานของความงามไว้อย่างสมบูรณ์
ในโปรเจ็กต์นี้ ทั้งคู่ท้าทายตนเองด้วยการร่วมงานกันเป็นทีม โดยเคารพขอบเขตของกันและกัน แต่ละคนยังคงรักษาจินตนาการของตนเองไว้ในเรื่องราวและประเด็นเดียวกัน แต่มีมุมมองที่แตกต่างกัน ประติมากรรมสามมิติของไพรวาถูกนำเสนอในรูปแบบสองมิติบนกระดาษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประติมากรรมของเขาไม่สามารถสร้างบรรยากาศโดยรอบได้ แต่จิตรกรรมและจินตนาการของพัชราภรรณกลับเติมเต็มและเสริมสร้างความรู้สึกใหม่ให้กับผลงานของไพรวาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นได้ หากมองว่าผลงานของศิลปินเป็นวิธีคิดส่วนตัว การปล่อยให้ศิลปินคนอื่นเข้ามาเพิ่มเติมหรือตัดทอนนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับผลงานชุดนี้ สิ่งที่เป็นแก่นแท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ผลงานจิตรกรรมหรือประติมากรรม แต่อยู่ที่ความพยายามอธิบายถึงครอบครัวที่ลดทอนอีโก้ของตนเอง เปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวได้ หากสิ่งนั้นเป็นความปรารถนาดีที่ได้รับการอธิบายและรับฟังด้วยเหตุผลอย่างไม่มีอคติ
ครอบครัวเป็นหน่วยย่อยที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัญสูงสุด เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นในการหล่อหลอมบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่สังคม ครอบครัวไรวาจึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ราวกับเป็นเรื่องส่วนตัวที่มีวิธีคิดแบบทีม และมองว่านี่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การแบ่งปันจินตนาการระหว่างกันสำหรับพวกเขาในฐานะครอบครัวหนึ่งเดียว นี่คือสิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะสื่อสารผ่านผลงานของทั้งสองคน
This exhibition is a collaboration between artist duo Praiva Raiva and Phatcharaphan Raiva, which showcases the perfect blend of painting and sculpture. Phatcharaphan uses watercolors to draw on paper. Meanwhile, Praiva creates three-dimensional (3D) sculptures. Praiva’s sculptures are rich in imagination and full of life force. which was inspired by the experience of living in isolation. While Phatcharaphan’s work tells stories and conveys messages in each period of life that is constantly changing. It’s like everyone’s life. Before working with my husband on this project Phatcharaphan’s watercolors often capture the subtlety and lively movement of nature. Especially the energy from flowers. which many people overlook Although the concepts and artworks of both of them are different, But they all value similar things. That is the life force of the nature around us. in a different perspective They try to convey beauty through art based on experiences and feelings. while still maintaining the standard of beauty perfectly.
In this project, the pair challenged themselves by working closely together. by respecting each other’s boundaries, each maintains their own imagination around the same stories and themes. But there are different points of view. Paiva’s three-dimensional sculptures are presented in two dimensions on paper. which in fact his sculptures were unable to create the surrounding atmosphere. But Phatcharaphan’s paintings and imagination perfectly complement and add a new feeling to Praiva’s work. These things may not happen. If you look at an artist’s work as a personal way of thinking. Allowing other artists to add or take away was a challenge.
However, for this series, The true essence is not in paintings or sculptures. But it’s about trying to describe a family that puts their own ego aside. Allow family members to invade their personal space. If that is a good wish that has been explained and listened to with reason without bias.
Family is the smallest but most important unit. Because it is the starting point for molding quality personnel into society. The Raiva’s family therefore values cooperation in working together this time. It is as if it is a personal matter that has a collective way of thinking. and see this as an opportunity to learn from each other sharing fantasies for them as one family. This is what they intend to communicate through their work.
**In Synchony (동시-성, 同時性)
전시회는 아티스트 듀오 프라이와 라이바(Praiva Raiva)와 팻차라판 라이바(Phatcharaphan Raiva)의 협업입니다.**
팻차라판은 종이에 수채화로 자연의 섬세함과 생동감 넘치는 꽃들을 포착합니다. 반면 프라이와는 혼자 사는 경험에서 영향을 받아 생생한 3D 조각을 만들며, 변화하는 삶의 단계를 이야기합니다.
그들의 예술적 경로는 다르지만, 자연의 생동감을 사랑하는 공통점을 가지고 있습니다. 그들은 각자의 경계를 존중하면서 경험과 감정의 아름다움을 전달하려고 노력합니다. 이 프로젝트에서 그들은 같은 주제에 대한 상상력을 유지하면서 협업에 도전합니다.
프라이와의 3D 조각은 종이 위에 2차원적으로 초현실적으로 표현됩니다. 팻차라판의 그림은 프라이와의 작품에 대한 느낌을 강화하고 완벽하게 만듭니다. 이 협업은 가족 구성원이 자아를 낮추고 존중하는 협력을 허용하는 가족 역동성을 보여줍니다.
가족은 가장 작지만 중요한 단위로, 사회에 질 높은 인재를 길러내는 데 중요한 역할을 합니다. 라이바 가족은 이번 협업을 서로 배우고 가족으로서 상상력을 공유할 수 있는 기회로 소중히 여깁니다. 그들은 작품을 통해 이 메시지를 전달하고자 합니다.